วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับความงามที่เกิดจากข้างใน :)

ทราบมั้ยคะว่า…เคล็ดลับความงามทั้งใบหน้าและจิตใจที่ทำได้ง่ายที่สุด ที่คนเรามองข้ามกันนั้นคืออะไรน้า ^^ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง สุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากข้างใน ใครๆก็ทำได้ทุกคนค่ะลองมาดูกันดีกว่า ว่าเราจะทำให้จิตใจเราสวย หน้าตาเราให้สดใส ร่างกายแข็งแรงกันยังไงได้บ้างค่ะ

1.ลองหาเวลาว่างทำสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ว่าตนเองหรือกับผู้อื่น ไม่ว่าจะทำบุญ ทำทาน หรือทำสิ่งเล็กๆน้อยให้กับคนที่เรารัก ไม่ว่าแบบไหน การให้คือการสร้างความสุขอย่างนึงที่บริสุทธิ์ค่ะ
2.มองสีต่างๆที่มีบนโลกใบนี้ ว่ามีความแตกต่างกันและสวยงามอย่างไร ไม่ว่าจะสีดำหรือสีขาว ถ้าลองมองสีเมื่อมันอยู่ในที่ ที่เหมาะสม ความสุขก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ^^
3. เลือกมองแต่แง่ที่ดี การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ถ้าโชคร้าย ไม่สมหวังในสิ่งที่ต้องการคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณนั้นเป็นสิ่งที่ ไม่ดีเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอ ลองอยู่กับมันอย่างมีสติและมองหาสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับคุณสิคะ เลิกมองตนอย่างไร้ค่าและรู้สึกว่าตนเองเป็นคนไม่ดี ตนเองเป็นคนโชคร้าย เลิกสงสารตนเองและหันมาเริ่มต้นทำในสิ่งที่ดีๆ กับตนเองก็จะดีขึ้นค่ะ ^^
4. รู้จักตัวเอง การรู้จักว่าคุณมีจุดอ่อนและจุดแข็งอยู่ตรงไหน ทบทวนถึงความผิดพลาดล้มเหลวที่ผ่านมาในชีวิตของคุณ และมองย้อนไปว่าจุดอ่อนที่ควรปรับปรุงของคุณอยู่ที่ไหน ถ้าพบแล้วก็จงปรับปรุงแก้ไขจุดที่บกพร่องนั้น เช่น ถ้าคุณเป็นคนพูดจาไม่เพราะ แต่มีจิตใจดีสิ่งที่ควรจะปรับ คือ การพูดจาให้นุ่มนวล ชวนฟังมากขึ้นค่ะ

วิธีทำให้เพื่อนรัก :)

คงไม่มีใครที่จะไม่อยากมีเพื่อน หรืออยู่เพียงลำพังไม่สุงสิงกับผู้อื่น เพราะมนุษย์โลกเรานี้ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกันทั้งนั้น จึงจะอยู่รอดได้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเราอาจจะต้องปฏิบัติตน เพื่อที่จะเป็นที่รักของคนอื่นๆ ดังนี้


1. ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ
คือการไม่เสแสร้งเข้าใส่กันและกัน การดูถูกดูหมิ่นและเหยียดหยามผู้อื่น ไม่เป็นคนวางท่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้เองที่เป็นเหตุให้คนเราขาดเพื่อนที่จริงใจ ดังนั้นถ้าเราต้องการให้ผู้อื่นรักและชื่นชม ก็คงต้องปฏิบัติตัวเสียใหม่ ทำตัวเราให้น่ารัก เป็นคนที่พูดจาจริงใจ ปากตรงกับใจเป็นดีที่สุด และไม่ควรกระทำการใดๆ ที่ผู้อื่นเดือดร้อนโดยเด็ดขาด

2. อารมณ์ดี
เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ร่าเริง ไม่เคร่งเครียดคิ้วขมวดติดกัน เพราะคงไม่มีใครที่อยากเข้าใกล้กับคนที่มีนิสัยขี้หงุดหงิด ขี้โมโห ฉุนเฉียว มีความก้าวร้าว อารมณ์ร้าย และรุนแรง หรือเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายๆ และยิ่งถ้าเราเป็นคนอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอๆ ต้องหาสาเหตุแล้วแก้ไข มิฉะนั้น ตัวของเราเองจะกลายเป็นคนไร้เพื่อน และสังคมไม่ให้การยอมรับอีกด้วย เพราะคนอื่นๆ จะดีตัวออกห่างเราไปทีละคนสองคน เพื่อไปหาคนที่อารมณ์ดีที่เขาอยู่ใกล้แล้วสบายใจ

3. สนใจฟัง "เขา" มิใช่พูดแต่เรื่องของตนเอง
เช่น เรากำลังสนทนาอยู่ในกลุ่มเพื่อน แต่เราคุยฟุ้งแต่เรื่องส่วนตัวของเรา.."เมื่อวานนี้ไปเที่ยวทะเลมา สนุกมาก ได้เล่นน้ำทะเลกันจนเย็นแถมตัวดำอีก พอกลับมาเมื่อเช้านี้คุณแม่เกิดไม่สบายกะทันหัน ต้องพาไปโรงพยาบาล และไม่มีใครดูแลคุณพ่อที่เป็นอัมพฤกษ์.."
จากคำพูดข้างต้น คนที่พูดก็ช่างเจรจาเหลือเกิน พูดถึงแต่เรื่องตัวเอง โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ในกลุ่มใดพูด หรือแสดงความคิดเห็นบ้างเลย ซึ่งจริงๆ แล้วคนเราที่เป็นกลุ่มเพื่อนกันก็คงต้องการคุยเรื่องของตนเองให้เพื่อนฟังบ้างแต่ต้องมีการแลกเปลี่ยน และสนใจเรื่องของเขามากกว่าพูดแต่เรื่องของตนเอง

4. รู้จัก "ให้" และ "รับ"
ข้อนี้คงไม่ต้องบอก เพราะใครๆ ก็รู้ แต่ก็มีคนจำนวนมากไม่ยอมปฏิบัติ มีแต่จะรับข้างเดียว หวังแต่ผลประโยชน์ที่จะเกิดกับตัวเองเพียงเท่านั้น ส่วนคนอื่นไม่สนใจ ซึ่งคนประเภทที่ชอบรับข้างเดียว ไม่ได้ให้ผู้อื่นตอบแทนบ้างเลย จัดเป็นคนที่มีลักษณะเป็นคนเห็นแก่ตัว..คนมักมาก, คนเอาเปรียบ, คนเอาแต่ได้ แต่คนที่ให้มากกว่ารับจะมีเพื่อนมากกว่าคนที่รับมากกว่าให้อย่างแน่นอน

การให้และการรับไม่ได้หมายความเฉพาะวัตถุ แต่รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน หรือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการให้ที่มีคุณค่ามาก และโดยปกติคนทั่วไปก็คงชอบคนที่ให้เราบ้างยอมรับจากเราบ้างเพราะเวลาเขารับอะไรจากเรา เรารู้สึกดีใจและพอใจ แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายรับจากเขาอยู่ข้างเดียว ก็คงต้องรู้สึกระอาใจบ้างไม่มากก็น้อย

5. มองโลกในแง่ดี
เราลองหันไปมองรอบๆ ตัวเราว่าเป็นอย่างไร โดยขอให้มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล ไม่ตำหนิ หรือติเตียนสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เช่น คนนี้เป็นคนไม่ดี บ้านนี้มีอะไรที่แปลกและน่ากลัว ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าคบ ฯลฯ คงเห็นแล้วว่าถ้าคนเรามีความคิดเช่นนี้กันทุกคน สังคมก็คงวุ่นวายน่าดูและคงมีแต่ปัญหามากมายที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเราลองมองโลกในแง่ดีบ้าง และทำเป็นประจำอยู่ตลอด คนที่อยู่ใกล้เราก็จะมีความสุข

สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ล้วนแต่เป็นวิธีที่จะทำให้เราสามารถเป็นที่รักของผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ก็ขอให้คนเราเริ่มต้นด้วยการ "เป็นผู้ให้" เสียก่อน รับรองได้ว่าในเวลาต่อมาเราก็จะได้รับสิ่งตอบแทนต่างๆ กลับมาอย่างมากมายจากคนที่รับให้นั้นด้วยความจริงใจ และเป็นการเสริมสร้างพลังความรักและความเข้าใจระหว่างคนมากขึ้นด้วย

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขนมครก ตำนาน คน รัก กัน:)

ไอ้กะทิ หนุ่มน้อยแห่งดงมะพร้าวเตี้ย แอบมีความรักกับ หนูแป้ง สาวสวยประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน ทั้งคู่เจอกันวันลอยกระทง และสัญญากันต่อหน้าพระจันทร์ ไม่ว่าข้างหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงใด ทั้งคู่ก็จะขอยึดมั่นความรักแท้ที่มีต่อกันชั่วฟ้าดินสลาย

ไอ้กะทิ ก้มหน้าก้มตาเก็บหอมรอมริบหาเงินเพื่อมาสู่ขอลูกสาวจากผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับถูกปฏิเสธแถมยังโดนผู้ใหญ่ส่งชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือมาลอบทำร้าย แต่ไอ้กะทิก็ไม่ว่ากระไร มันพาร่างอันสะบักสะบอมกลับไปบ้าน นอนหยอดน้ำข้าวต้มซะหลายวัน แต่ใจยังตั้งมั่นว่า วันหน้าจะมาสู่ขอหนูแป้งใหม่จนกว่าผู้ใหญ่จะใจอ่อน

แต่แล้วความฝันของไอ้กะทิ ก็พังพินาศเมื่อผู้ใหญ่ยก หนูแป้ง ลูกสาวคนสวยให้แต่งงานกับปลัดหนุ่มจากบางกอก ไอ้กะทิ รู้ข่าวจึงรีบกระเสือกกระสนหมายจะมายับยั้งการแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็วางแผนป้องกันไว้แล้ว โดยขุดหลุมพรางดักรอไว้ แต่แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้ายเสียก่อน จึงลอบหนีออกมาหมายจะห้ามหนุ่มคนรักไม่ให้ตกหลุมพราง

คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม หนูแป้งวิ่งฝ่าความมืดออกมาเพื่อดักหน้าไอ้กะทิ ไอ้กะทิเห็นหนูแป้งวิ่งมาก็ดีใจทั้งคู่รีบวิ่งเข้าหากัน ฉับพลัน!!...ร่างของหนูแป้งก็ร่วงหล่นลงไปในหลุมพรางของผู้ใหญ่ฯผู้เป็นพ่อ ต่อหน้าต่อตาไอ้กะทิ อารามตกใจนายกะทิก็รีบกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยเหลือหนูแป้ง อารามดีใจสมุนชายฉกรรจ์ของผู้ใหญ่บ้านซึ่งแอบซุ่มอยู่ ก็รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบหลุมที่ทั้งคู่หล่นลงไป เพราะคิดว่าในหลุมมีเพียงไอ้กะทิผู้เดียว ...

รุ่งเช้าผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ขุดหลุมเพื่อดูผลงาน แทบไม่เชื่อสายตาเบื้องล่างปรากฏร่างของ ไอ้กะทิตระกองกอดทับร่างหนูแป้งลูกสาวของตน ทั้งสองนอนตายคู่กันอย่างมีความสุข เมื่อรอยยิ้มถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตา ผู้ใหญ่บ้านรำพึงต่อหน้าศพของลูกสาวว่า..

"พ่อไม่น่าคิดทำลายความรักของลูกเลย"

ตั้งแต่นั้นมาอนุสรณ์แห่งความรักที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ทุกแรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของไอ้กะทิ กับ แม่แป้ง ก็จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวานปรุงจากแป้ง และกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม พอสุกได้ที่ก็แคะจากหลุม แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกันเป็นสัญลักษณ์ว่า "จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป" ขนมนี้จึงถูกเรียกขานกันในนาม "ขนมแห่งความรัก" หรือ ขนม คน-รัก-กัน ต่อมาถูกเรียกย่อ ๆ ว่า 'ขนม ค-ร-ก' นั่นเอง

ความลับของเหรียญ :))))))))))))

ความลับของเหรียญ

ในค่ำคืนนึง... ของเด็กหญิง 9 ขวบ หลังจากกราบพระกับคุณพ่อ คุณแม่แล้ว
คุณพ่อเรียกลูกเข้าไปพบแล้วบอกลูกว่า พ่อมีอะไรให้ดูซึ่งสำคัญมาก
ว่าแล้วคุณพ่อก็หยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อเอามือกำไว้

พ่อถามว่าอยากรู้มั้ยว่ามีอะไรในมือพ่อ ลูกพยักหน้า
ถ้าอยากรู้ต้องเอามือเขกพื้น 3 ที ลูกทำตาม... คุณพ่อว่า ไม่พอ ต้อง 5 ที
และเปลี่ยนเป็น 10 ที จนถึง 15 ที จนลูกอุทธรณ์...
ก็ลูกอยากทราบนี่คะว่าเป็นอะไร
เมื่อคุณพ่อแบมือออก มันคือเหรียญ 5 บาทธรรมดานี่เอง

คุณพ่อหัวเราะ ! ! ! แล้วกำมือกับเหรียญ 5 บาทเดิม ถามว่าอยากดูอีกมั้ย
ถ้าอยากดูต้องเขกพื้น 10 ที ลูกว่าหนูรู้แล้ว ไม่อยากดูค่ะ
คุณพ่อว่า เอ้า... เขกพื้น 1 ทีก็ได้ ลูกก็บอก ว่าทราบแล้ว ไม่อยากดูอีกแล้วเบื่อ
คุณพ่อเลยพูดขึ้นว่าให้ดูฟรี ๆ ก็ได้แล้วก็แบมือออก
ลูกก็เพียงแต่ชำเลืองดูโดยไม่สนใจใยดีใดใด

คุณพ่อเลยพูดว่า " นี่ละลูก อะไรที่เป็นความลับ คนมักยอมทำทุกอย่างที่จะได้สมปรารถนา
แต่เมื่อสมปรารถนาแล้ว ให้ดูฟรี ๆ ยังไม่อยากดูเลย
แล้วสิ่งที่พึงหวงแหนสำหรับลูกผู้หญิง เป็นสิ่งที่มีค่า ถ้าให้ใครรู้ก่อนเวลาอันควร ก็จะไม่มีค่าอะไร
ไม่ต่างกับเหรียญ 5 บาทที่พ่อให้ลูกดูฟรี........."

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดูแลสุขภาพดวงตาง่ายๆ ด้วยโยคะสายตา :)))))))))))

ชีวิตยุคไอที การใช้งานคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทันสมัย
เพื่อทำงาน หรือติดตามข่าวสาร จำเป็นต้องใช้สายตาจ้องมองเป็นเวลานาน การดูแลสุขภาพดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เทคนิคเพื่อบริหารดวงตาให้มีสุขภาพดีนั้นมีหลากหลาย โยคะมีการบริหารดวงตา
โดยต้องถอดแว่นหรือคอนแทคเลนส์ออกก่อน แล้วทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 หลับตาแล้วถูฝ่ามือสองข้างเข้าหากันไปมาอย่างเร็วจนรู้สึกร้อน

ขั้นตอนที่ 2 ประคบฝ่ามือทั้งสองข้างนาบกับหนังตานานประมาณ 1 นาที
ให้รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่จากฝ่ามือสู่ดวงตา

ขั้นตอนที่ 3 ผ่อนคลายความเคร่งเครียดทั้งมวลลงพร้อมทั้งหายใจลึกๆ
นำมือออก ลืมตาขึ้น

ขั้นตอนที่ 4 เคลื่อนสายตาจากซ้ายไปขวา โดยมองไปยังที่ไกลๆ จากมุมซ้ายสุด
แล้วกวาดสายตาไปยังมุมขวาสุด ทำซ้ำกัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 5 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว เคลื่อนสายตาจากมุมขวาบนไปยัง
มุมซ้ายล่างเป็นเส้นทแยงมุม ทำซ้ำๆ กัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 6 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว เคลื่อนสายตาโดยกวาดสายตาเป็นวง
(ทิศทางตามเข็มนาฬิกา) ทำซ้ำกัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 7 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว
เคลื่อนสายตาจากบนสุดลงมายังจุดล่างสุด
โดยมองไปยังจุดไกลๆ ที่สุดด้านบน
แล้วกวาดสายตาลงมายังจุดด้านล่างอย่างช้าๆ
ทำซ้ำกัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำได้ด้วยตนเองเพียงแค่นี้ ก็สามารถดูแลดวงตาให้มีสุขภาพดี

ที่มาของเทพนิยายกริมม์ 0.0

เทพนิยายกริมม์ เกิดขึ้นจากความสนใจอย่างลึกซึ้งในด้านภาษา ไวยกรณ์
และประวัติศาสตร์ของสองพี่น้อง เจคอบ กริมม์ (Jacob Grimm) และวิลเฮล์ม กริมม์ (Wilhelm Grimm)
ชาวเยอรมัน โดย นิทานของพวกเขารวบรวมขึ้น
จากคำบอกเล่าที่ได้ฟังมา และได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1812 ด้วยชื่อ
Children's and Household Tales (นิทานสำหรับเด็กและนิทาน
ประจำบ้าน) ซึ่งในภาษาอังกฤษมักเรียกกันว่า Grimm's Fairy Tales
(เทพนิยายกริมม์)
ในช่วงแรกได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ด้วยเรื่องราวที่มิได้สวยงามอ่อนหวาน ดังที่ได้อ่านกันในปัจจุบัน
แต่ต่อมาภายหลังมีการขัดเกลา เนื้อเรื่องให้น่าอ่านมากขึ้น
และเมื่อได้รับการแปลเป็นภาษาอื่น ยังมีการตัดทอนเนื้อหาที่ล่อแหลม หรือรุนแรง บางส่วนออกไปด้วย
นิทานจากสองพี่น้องตระกูลกริมม์นั้น มีจินตนาการหลากหลาย ทั้งเวทมนตร์วิเศษ
ภูตเอลฟ์ตัวเล็ก ยักษ์ตัวใหญ่ สัตว์ที่กลายเป็นคน และคนที่แปลงร่างเป็นสัตว์ได้
รวมถึงนิยมขึ้นต้นด้วยวลีว่า "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว" เรื่องที่รู้จักกันดี เช่น
สไนว์ไวท์, ซินเดอเรลลา, ราพันเซล, เจ้าหญิงนิทรา และหนูน้อยหมวกแดง เป็นต้น
ตลอดชีวิตพวกเขาทำงานอยู่ใกล้ชิดกัน แม้การลงนามในสัญญาต่างๆ ก็ยังใช้ชื่อร่วม
ว่า "พี่น้องตระกูลกริมม์" โดยนอกจากผลงานนิทานที่ได้รับความนิยมแล้ว ยังเป็น
ผู้ศึกษาภาษาเก่าแก่ ศาสตราจารย์ บรรณารักษ์ และผู้มีอิทธิพลในการเคลื่อนไหว
เพื่อประชาธิปไตยในเยอรมนีอีกด้วย แม้ปัจจุบันสองพี่น้องตระกูลกริมม์
จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผลงานยังคงมีชีวิตอยู่ตราบจนทุกวันนี้

ผมหงอก..ยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือไม่ !!!

ในวัยที่เริ่มมีผมหงอกเรามักจะไม่กล้าถอนกัน เพราะเชื่อว่าเมื่อถอนผมหงอก
เชื้อผมหงอกจะกระจายจากรากผมเส้นที่หงอก แล้วลามไปที่รากผมบริเวณใกล้เคียง
(อย่างกับโรคติดต่อ) จนทำให้ผมหงอกทั้งศรีษะ
แต่ในความเป็นจริงแล้วรากผม 1 เส้น จะสร้างผมได้ 1 เส้น ต่อให้ตัดหรือถอน
ก็ไม่สามารถทำให้เส้นผมเพิ่มขึ้นได้ เพราะเส้นผมหงอกที่ถูกถอนหนึ่งเส้น
จะไม่สามารถสร้างผมหงอกขึ้นมาได้อีก ดังนั้น การที่ยิ่งถอนยิ่งหงอก
จึงเป็นไม่เป็นความจริง แต่ผมหงอกที่เพิ่มขึ้น เพิ่มจากปัจจัยอื่นต่างหาก
เพื่อเป็นการป้องกันที่สาเหตุ ก่อนที่จะหงอกก่อนวัย เราควรดูแลผมให้ดกดำ
ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น งาดำ เป็นต้น หรือถ้าหงอกมากแล้วไม่สบายใจ
จะพิจารณาเป็นการย้อมผมดำแทนก็ได้ แล้วแต่จะเลือกวิธีการที่สะดวก
และเหมาะกับตนเอง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ !!!!!!!!!!!!!!!!

ความสะอาดของคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งสำคัญมาก นึกดูว่าเพียงแค่มีเศษผงเล็กๆ
เข้าตา ยังทำให้แสบตาจนน้ำตาไหล แต่คอนแทคเลนส์ต้องสัมผัสติดกับดวงตา
โดยตรงเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน หากสะอาดไม่เพียงพอ จะมีผลเสียต่อดวงตา
มากมายเพียงใด
การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าใช้วิธีแช่เพียง
อย่างเดียวก็ได้ เพราะ ข้อความ No Rub ในคำแนะนำการใช้ข้างกล่อง
คอนแทคเลนส์ ไม่ได้แปลว่าห้ามถู ความจริงแล้วแปลว่า ไม่ต้องถูก็พออนุโลมได้
มีรายงานวิจัยบอกว่า การถูอย่างเดียวลดเชื้อโรคได้ 95% ส่วนเชื้อโรคที่เหลือ
5% น้ำยาแช่สามารถกำจัดได้ นากจากนี้ การถูยังช่วยลดคราบจุลินทรีย์
(Biofilm) ที่เกาะผิวเลนส์ได้ด้วย
ดังนั้น การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ ต้องถูด้วยน้ำยา
ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ แล้วจึงแช่เลนส์นั้นในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์
อีกเรื่องที่เข้าใจผิดกันมาก คือ การแช่เลนส์ไว้ในน้ำเกลือช่วยฆ่าเชื้อโรคได้
ความจริงแล้ว น้ำเกลือไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แต่น้ำเกลือจะทำให้เชื้อโรคโตเร็วขึ้น
แทนที่จะฆ่าเชื้อ กลายเป็นเพาะเชื้อตลอด 8-10 ชั่วโมงที่เราไม่ได้ใส่เลนส์

การใช้น้ำเกลือที่ถูกต้อง คือ ใช้น้ำเกลือในการล้างน้ำยาที่ใช้ฟอกถูเลนส์
ในรายที่เซ้นสิทีฟกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือใช้น้ำเหลือในการล้างทิ้ง

หากใช้และดูแลผิดวิธีคอนแทคเลนส์จะเป็นอันตรายต่อดวงตา ก่อนใช้ควร
รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์และศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน หากมีปัญหาควรหยุดใช้
แล้วพบจักษุแพทย์ทันที

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

10 อันดับอาชีพที่เครียดที่สุดในปี2011

10นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ อันดับความเครียด 181 คะแนน 38.57 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 31 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 9.5 รายได้ต่อปี $40,357.00 นายหน้าอสังหาริมทรัพย์จะเป็นคนกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พวกเขาจะต้องทำงานอย่างยาวนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์ และทำงานที่น่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจโดยต้องคอยเปิดตัวอย่างบ้านให้กับลูกค้าดูทีละราย นอกจากนี้จากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ บวกกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการแข่งขันของธุรกิจนี้อย่างสูง ดังนั้นอาชีพนี้จึงสร้างความเครียดให้กับพวกเขาได้ไม่น้อยเช่นกัน
9เวชกิจฉุกเฉิน (EMT)

เวชกิจฉุกเฉิน (EMT) อันดับความเครียด 183 คะแนน 39.68 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 100 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ รายได้ต่อปี $30,168.00 เวชกิจฉุกเฉิน(EMT) คือ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและภัยพิบัติในสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้ป่วยที่อยู่ในมือพวกเขาในทันการในการนำผู้ป่วยจากที่เกิดเหตุมายังโรงพยาบาล อีกทั้งเวลาการทำงานไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการแจ้งเหตุของผู้ป่วย
8นายหน้าค้าหุ้น

นายหน้าค้าหุ้น อันดับความเครียด 184 คะแนน 39.70 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 98 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 8 รายได้ต่อปี $67,470.00 นายหน้าค้าหุ้นจะช่วยให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นทำได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น และพวกเขาต้องคอยเกาะติดกับความผันผวนของหุ้นแต่ละตัวซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นความเครียดของพวกเขาก็ผันผวนตามการขึ้นลงของหุ้นในตลาดเช่นเดียวกัน
7สถาปนิก


สถาปนิก อันดับความเครียด 185 คะแนน 39.93 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 88 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 8+ รายได้ต่อปี $73,193.00 สถาปนิกจะต้องวางแผน ออกแบบ และควบคุมตรวจตราโครงสร้างของอาคารที่พักต่าง ๆ ซึ่งจะต้องมีการคำนวณอย่างแม่นยำก่อนจะส่งให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างต่อไป ดังนั้นสถาปนิกจึงต้องจัดการกับความเครียดและความกดดันจากการออกแบบวางแผนเพื่อไม่ให้งานเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้เลย
6เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชี

เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชี อันดับความเครียด 189 คะแนน 41.05 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 135 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 9.5 รายได้ต่อปี $62,105.00 เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีจะเป็นผู้ดูแลบัญชีของบริษัท ซึ่งพวกเขาจะต้องใช้สมองอย่างหนักในการคำนวณเลขมากมายให้ถูกต้องแม่นยำ พิจารณารายละเอียด และทำงานได้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดเวลาอย่างเข้มงวด ดังนั้นจึงส่งผลให้พวกเขาเกิดภาวะกดดันทางอารมณ์และมีอาการเครียดเรื้อรังตามมาได้
5ผู้สื่อข่าว

ผู้สื่อข่าว อันดับความเครียด 190 คะแนน 43.56 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 129 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 8 รายได้ต่อปี $50,456.00 ผู้สื่อข่าวจะต้องเตรียมข่าว และถ่ายทอดข่าวออกอากาศให้กับผู้ชมทางโทรทัศน์ โดยปกติพวกเขาจะต้องถ่ายทอดข่าวแต่ละวันจากสตูดิโอ แต่บางครั้งก็ต้องออกภาคสนามเช่นกัน ซึ่งใน 24 ชั่วโมง มีข่าวต่าง ๆ มากมายเข้ามาเรื่อย ๆ จึงทำให้พวกเขาค่อย ๆ สะสมความเครียดเข้าไป นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูงจากการหาข่าวแข่งกับที่อื่น ๆ และต้องอัพเดทข่าวให้เร็วที่สุด
4ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์

ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์ อันดับความเครียด 196 คะแนน 47.09 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 113 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท รายได้ต่อปี $40,209.00 ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์จะต้องรู้จักจับภาพจากเรื่องราวต่าง ๆ ให้ปะติดปะต่อสอดคล้อง และเน้นจุดสำคัญให้ได้โดยผ่านเลนส์ และในบางครั้งพวกเขาก็ต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้ข่าวมาเนื่องจากความอันตรายของพื้นที่ที่ทำข่าวแล้ว ยังมีกำหนดเวลาส่งงานที่เข้มงวด และปัญหาความผิดพลาดทางเทคนิคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง
3ผู้บริหารระดับสูง

ผู้บริหารระดับสูง อันดับความเครียด 197 คะแนน 47.41 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 143 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 11 รายได้ต่อปี $161,141.00 ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการต่าง ๆ ภายในบริษัท ในขณะเดียวกัน ก็ต้องสามารถประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ได้โดยตรง ผู้บริหารระดับสูงนี้มักจะถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง และมีทัศนวิสัยกว้างไกล มองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรอบด้าน นอกจากนี้พวกเขายังต้องเผชิญความเครียดเนื่องจากเขาเป็นผู้ชี้ชะตาของบริษัท หากตัดสินใจผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้บริษัทถึงกับล้มละลายได้ภายในพริบตา

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ อันดับความเครียด 198 คะแนน 47.60 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 111 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 9 รายได้ต่อปี $90,160.00 เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างและรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดีต่อหน้าสาธารณชน และยังต้องคอยนำเสนองานต่าง ๆ ต่อหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ
1นักบิน

นักบิน อันดับความเครียด 199 คะแนน 59.53 ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 91 จาก 200 จำนวนชั่วโมงทำงาน 9 รายได้ต่อปี $106,153.00 นักบินของสายการบินพาณิชย์ต่าง ๆ มีระดับความเครียดสูง เนื่องจากพวกเขาจะต้องรับรองความปลอดภัยของผู้โดยสารหลายชีวิตในแต่ละเที่ยวบิน อีกทั้งยังต้องทำงานภายใต้ระยะเวลาที่เข้มงวด เนื่องจาก พวกเขาต้องนำเครื่องบินลงสู่ที่หมายให้ตรงตามเวลาไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นใดก็ตาม

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

มารยาท และวิธีทานปลาดิบ (sashimi) ให้อร่อย



ในจานปลาดิบที่มีปลา 2, 3 ชนิดรวมกันนอกนั้นจะมีสาหร่าย หัวผักกาด และอื่นๆ
รวมอยู่ในภาชนะด้วย จะคีบชิ้นไหนทานก่อนนั้นมีเคล็ดลับว่า ควรทานจากชิ้นเล็กที่สุด
จะทำให้รู้สึกอร่อยกว่าเลือกทานตามใจชอบ

อย่าละลายวาซาบิ (wasabi) ลงในน้ำโชยุ (shoyu)
เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของวาซาบิเสียไป วิธีที่แนะนำมี 2 วิธี คือ
1. ใช้วาซาบิแตะปลาดิบ แล้วจึงแตะโชยุ
2. วางก้อนวาซาบิด้านในขอบถ้วยโชยุ แล้วนำ
ปลาดิบแตะวาซาบิจากบนลงล่างเพื่อแตะโชยุ

ถ้วยใส่โชยุสามารถใช้มือถือขึ้นมาได้
แต่ให้ระวังท่าทางในการทาน
โดยในขณะยกถ้วยขึ้นมาอย่าก้มตัวเข้าหาถ้วย
และจะยกถ้วยโชยุสูงระดับอกเพื่อจะได้ไม่หยด
หรือใช้กระดาษรองกันน้ำโชยุหกใส่โต๊ะก็ได้

ในการทานนั้นตามมารยาทแล้ว
ไม่ควรแกว่งปลาดิบไปมาในถ้วยโชยุ หรือจุ่มจนท่วมชิ้นปลาดิบ
ส่วนผักเคียงในจานปลาดิบจะทานหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือเป็นการผิดมารยาท

4 ข้อควรปฏิบัติก่อนการเลือกซื้ออาหารนอกบ้าน




ชีวิตในเมืองที่รีบเร่ง ทำให้ต้องพึ่งพาร้านจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปนอกบ้านมากขึ้น
และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบริโภค มีข้อแนะนำ 4 ข้อ
ที่ควรปฏิบัติก่อนการซื้ออาหารนอกบ้าน ดังนี้
1. อ่านฉลากก่อนซื้อ
ดูคุณค่าของสารอาหารในฉลากโภชนาการ ชื่ออาหาร ชื่อผู้ผลิต สถานที่ผลิต
วันเดือนปีที่ผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ และต้องมีเครื่องหมาย อย. ซึ่งแสดงว่า
อาหารนั้นผ่านการตรวจสอบคุณภาพ และได้รับมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการ
อาหารและยา

2. สังเกตลักษณะของภาชนะบรรจุ
ต้องอยู่ในลักษณะที่ดีและสะอาด เช่น เครื่องดื่มอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท
กระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ ไม่บวม

3. สังเกตลักษณะของอาหาร
สี กลิ่น และรส ต้องไม่มีความผิดปกติจากธรรมชาติ หรือเปลี่ยนแปลงจากลักษณะเดิม
เช่น กลิ่นหืนหรือเหม็นเปรี้ยว หรือสีสันฉูดฉาด ควรเลือกซื้ออาหารที่
ใช้สีจากธรรมชาติ หรือไม่มีส่วนผสมของสีเลย

4. สังเกตความสะอาด
ขั้นตอนการเตรียมอาหาร สถานที่เตรียมอาหาร
การล้าง การปรุง และความสะอาดของผู้ขาย

3 ท่า เช็คอาการกระดูกทับเส้นประสาท



กระดูกทับเส้นประสาทนั้น มักมีอาการปวดร้าวตามเส้นประสาทที่ถูกกดทับ
รู้สึกปวดหลัง ขา หรือแขน แตกต่างกันไปในแต่ละราย ขึ้นอยู่กับว่ากระดูก
ทับเส้นประสาทเส้นไหน

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ รักษาด้วยการนอนพัก กินยา กายภาพบำบัด
ผู้ป่วยส่วนน้อย รักษาด้วยการผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทออกไป
หากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถหายกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
เมื่อไม่แน่ใจว่าเป็นกระดูกทับเส้นประสาทหรือไม่ วิธีเช็คอาการเบื้องต้น มีดังนี้

1. นอนหงาย
2. ยกขาข้างหนึ่งขึ้น โดยให้หัวเข่าเหยียดตรง ทำมุมตั้งฉากกับพื้น ถ้ามีอาการ
กระดูกทับเส้นประสาทจะรู้สึกปวดตึงขา
3. เมื่อกระดกปลายเท้ามาด้านหน้าจะรู้สึกปวดมากขึ้น

นอกจากนี้ อาจมีอาการปวดชาตามขาข้างใดข้างหนึ่ง และมีอาการขาอ่อนแรงร่วมด้วย
ถ้าสังเกตพบความผิดปกติเบื้องต้น ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยด่วน

ดูโทรทัศน์มาก อาจทำให้เสียชีวิตได้ง่าย



ผลวิจัยโดย David Dunstan นักวิจัยชาวออสเตรเลีย จากสถาบัน Baker IDI
Heart and Diabetes ในเมลเบิร์น (Melbourne) ที่สำรวจจากชายหญิง
ที่มีสุขภาพดีอายุ 25 ปีขึ้นไป จำนวน 8,800 คน เป็นเวลา 6 ปี
พบว่า 80% ของผู้ที่ดูโทรทัศน์มากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน มีแนวโน้มเสียชีวิต
ด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าผู้ที่ดูโทรทัศน์น้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน
และในการดูโทรทัศน์ที่เพิ่มขึ้นทุก 1 ชั่วโมง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
ด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดถึง 18%
เนื่องจากการทำกิจกรรมที่นั่งเฉยๆ เช่น ดูโทรทัศน์นานๆ ทำให้พวกเราไม่ขยับตัว
เป็นเวลานาน ทำให้กระบวนการเผาผลาญในร่างกายช้าลง และส่งผลให้เกิดการ
เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
คำแนะนำสำหรับกรณีนี้ คือ หลีกเลี่ยงการการนั่งเป็นเวลานาน เปลี่ยนอิริยาบท
ขยับร่างกายในส่วนที่ไม่ค่อยได้ขยับบ้าง หรือในขณะชมโทรทัศน์ควร
ทำกิจกรรมอื่นที่ได้ขยับตัวบ้าง เช่น พับเสื้อผ้าที่ซักแล้ว หรือเปลี่ยนช่องโทรทัศน์
ด้วยการลุกเดินไปกดเองแทนการใช้รีโมท

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

หวิดดับ iphone 4 ระเบิด




ไม่นึกว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันหวิดดับ จะเกิดกับผู้ใช้แก๊ตเจ๊ตเทพประทานอย่าง iPhone 4 ค่ายแอปเปิ้ลอีกครั้ง หลังเคยเกิดกรณีเครื่องร้อนเกือบระเบิดบนสายการบินแห่งหนึ่งมาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ล่าสุดมีรายงานจาก East Brandywine Fire กับผู้ใช้ชาวเมืองเพนซิลเวเนีย อเมริกาฯ ว่า iPhone 4 ของเขาได้เกิดไหม้ในระหว่างที่กำลังชาร์ทแบตเตอรี่ผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์

” ในระหว่างที่ผมกำลังชาร์จแบตกับคอมพิวเตอร์ โดยก็เชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์ของแอปเปิ้ลอยู่นั้น เครื่องก็เกิดไหม้ขึ้นมา และร่วงลงไปกับพื้น ก่อนที่มันจะติดพรม ผมจึงหยิบมันเขวี้ยงออกไปอีกหน้าต่างนึง หลงเหลือเพียงซากไอโฟนกับกลิ่นไหม้เล็กๆ เอาไว้ “ ผู้ประสบอัคคีภัยจาก iPhone 4 กล่าว







หลังเหตุการณ์เสทือนขวัญซาก iPhone 4 เครื่องดังกล่าวถูกส่งไปยังสำนักงานแอปเปิ้ลในแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้วิศกรทำการตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าปัญหาเกิดจากแบตเตอรี่ที่ไม่ได้คุณภาพ ดังที่เคยเกิดขึ้นในกรณี iPod Nano มาแล้วนั่นเอง!!

4 วิธีดึงสติสร้างสมาธิ

ปรารถนาจะเรียนหนังสือเก่ง ทำงานดี มีความจำเลิศ อย่าละเลยการสร้าง “สมาธิ” ตัวช่วยสำคัญหยุดจิตสับสน ว้าวุ่น ทำสมองปลอดโปร่ง ฝึกง่าย ๆ ด้วย 4 วิธี




สร้างสมาธิก่อนเรียน หรือ ทำงาน โดยนั่งบนเก้าอี้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องหลับตา เพียงให้มีสติรู้ลมหายใจเข้า-ออก กำหนดจุดเพ่งมอง ปฏิบัติประมาณ 5-10 นาที ช่วยขจัดความยุ่งเหยิงทางใจ สมองคลายเครียด พร้อมใช้ความคิด ทั้งยังรับรู้ และเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

ลดความเร็วในการเดิน ให้จิตใจจดจ่ออยู่กับการก้าว สลับกับพิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบตัว ช่วยผ่อนคลายความเครียด และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต สามารถประยุกต์ใช้เมื่อเดินเล่น เดินไปเรียน และทำงานได้

รับประทานช้าลง โดยค่อย ๆ ตักอาหาร และเคี้ยวให้ละเอียด ไม่เพียงลดอาการท้องอืด และลดการทำงานหนักของกระเพาะอาหาร ยังเป็นการฝึกรวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำด้วย

เลี่ยงคาเฟอีนเข้มข้น แม้คาเฟอีนจัดเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ลดความง่วง เหนื่อยล้า เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ทำให้กลไกการคิดรวดเร็ว และมีสมาธิขึ้น แต่ทั้งนี้ ต้องได้รับในปริมาณไม่มากเกินไป โดยเฉพาะวัยเรียน อาจลดความเข้มข้นจากการดื่มกาแฟเป็นชาแทน

หากต้องการกำจัดความฟุ้งซ่าน เข้าสู่โหมดสงบ มีสติ ลองสร้างสมาธิด้วยวิธีข้างต้น สามารถฝึกปฏิบัติได้ทุกที่ เมื่อสติมาปัญญาย่อมเกิดแน่นอน.

คิดได้อีกแล้ว!!! กับแปรงสีฟัน พลาสม่า



เอาแล้วงัย!!! ยาสีฟันเราพัฒนาไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ยาสีฟันเราอาจจะสูญหายไปอีกก็เป็นได้ เพราะมีวิศวกร จาก University of Missouri (MU) ได้จับมือร่วมกับ Nanova , Inc คิดค้นและพัฒนาแปรงสีฟันพลาสม่าขึ้น โดยแปรงสีฟันดังกล่าว ได้ผ่านการทดลองใช้ในห้องแล็ปมาแล้ว และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ และกำลังทำการทดสอบกับมนุษย์อยู่ ซึ่งแปรงสีฟันพลาสม่านี้ ใช้เวลาในการทำความสะอาดฟันแต่ละซี่ประมาณ 30 วินาที สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยประจุไฟฟ้า และพลาสม่ายังสามารถทำให้วัสดุที่ใช้อุดฟัน สามารถยึดติดกับฟันได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มอายุการใช้งานให้นานขึ้นไปอีก










ทั้งนี้คาดว่า ผลการทดลองใช้จริงกับมนุษย์จะประสบผลสำเร็จ และในช่วงปลายปี 2013 จะมีการนำแปรงสีฟันพลาสม่าดังกล่าวออกมาจำหน่าย ซึ่งอาจจะมีผลทำให้แปรงสีฟันและยาสีฟันที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่สามารถจำหน่ายได้เหมือนเดิม

พบอีก ! ไข่ปลอมระบาด ที่มณฑลซานตงในจีน



พบอีก ! ไข่ปลอมระบาด ที่มณฑลซานตงในจีน

Mthainews: สำหรับประเทศจีน ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการเลียนแบบผลิตภัณฑ์ ปลอมแปลงต่างๆ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอางค์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ และล่าสุดมีการพบว่า ไข่ปลอม ด้วยเช่นกัน




โดยชาวบ้านรายหนึ่งในเขตยันไต มณฑลซานตง ทางตะวันออกของประเทศจีน ได้ซื้อไข่มาแล้วทำการต้มแต่เมื่อแกะเปลือกไข่ออกมาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีสภาพที่ไม่เหมือนไข่ต้มทั่วไป ไข่ข่าวมีลักษณะใส และพบว่าไข่ต้มปลอมผลิตจากสารเคมีที่มีการเจือปนกับอาหาร
นายดง จินฉี ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระบุว่า ไข่ปลอมนี้มีราคาถูก น้อยกว่า 0.1 หยวน ซึ่งไข่จริงๆ จะมีราคา 0.5 หยวน

เลือกกระเป๋าแบบใหน ให้เข้ากับรูปร่างกันเถอะ!!

ใครที่กำลังเลือกหาเลือซื้อ กระเป๋าคู่ใจ ใบใหม่ วันนี้เรามีวิธีการเลือกซื้อกระเป๋าให้ถูกใจ และเข้ากับรูปร่าง มาแนะนำ ค้า จะซื้อทั้งทีหาที่ถูกใจกันไปเลยจะดีที่สุด




รูปร่างหนา สำหรับสาวเจ้าเนื้อ เอวหนา สะโพกใหญ่ หรือมีหน้าท้อง



DO ควรเลือกกระเป๋าให้เข้ากับรูปร่างด้วยกระเป๋าสายสั้น ดีไซน์เก๋ๆ ที่มีขนาดบาง เพราะจะช่วยดึงจุดสนใจจากเอวหนาๆ หรือสะโพกมาที่กระเป๋าใบเก๋ของคุณได้เป็นอย่างดี

DON’T ห้ามเลือกกระเป๋าหนาๆ จำพวก Backpack อย่างเด็ดขาด เพราะสาวที่มีรูปร่างหนา ที่เลือกใช้กระเป๋าขนาดหนาและใหญ่ก็จะยิ่งทำให้คุณดูตัวหนามากยิ่งขึ้น



รูปร่างสูง

ใครก็คิดว่ารูปร่างสูง หุ่นนางแบบน่าเป็นหุ่นที่น่าอิจฉาที่สุดเพราะเหมาะกับกระเป๋าทุกๆ แบบ ขอบอกเลยว่าไม่จริงค่ะ



DO การเลือกกระเป๋าให้เข้ากับรูปร่างต้องเลือกสะพายหนีบลำตัว หรือกระเป๋าใบเล็กๆ ที่ต้องหนับไว้ตรงรักแร้ จะช่วยทำให้ดูไม่เก้งก้างเกินไป หรือจะเลือกกระเป๋าใบใหญ่ที่จุของได้เยอะหน่อย แต่ต้องไม่ใบใหญ่จนเกินไป ยิ่งถ้าเป็นกระเป๋าหนังนิ่มที่ไม่เน้นรูปทรงมากนักจะยิ่งทำให้ดูสวยมีสไตล์ยิ่งขึ้น

DON’T ห้ามกระเป๋าที่สายยาวๆ ช่วงกระเป๋าตกมาอยู่ที่ช่วงเอวหรือสะโพก เพราะจะยิ่งทำให้รูปร่างของคุณดูเก้งก้าง และกระเป๋าแบบที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือ กระเป๋าถือ เพราะจะทำให้ลำตัว แขน ขา ของคุณดูยาว



รูปร่างเล็ก สำหรับสาวรูปร่างเล็กๆ ตัวบางๆ



DO การเลือกกระเป๋าให้เข้ากับรูปร่างสำหรับสาวร่างเล็กต้องใช้ขนาดของกระเป๋ามาช่วยอำพรางรูปร่างด้วยการเลือกกระเป๋าที่มีขนาดใหญ่ป่านกลาง ไม่แบน ไม่เล็ก หรือไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป แนะนำให้เลือกกระเป๋าทรง tote ไซส์กลาง ที่สามารถจุของได้เยอะ แต่ไม่ทำให้คุณดูตัวเล็ก

DON’T ควรหลีกเลี่ยงกระเป๋าไซส์ใหญ่ หรือกระเป๋าทรงกว้างอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้คุณแลดูเตี้ย ตัน ยิ่งขึ้น



รูปร่างเตี้ย ความสูงน้อยไปนิดหรือขาสั้นไปหน่อย



DO ควรเลือกกระเป๋าให้เข้ากับรูปร่างที่มีลักษณะตรงข้ามกับสาวรูปร่างสูง คือ จะต้องเลือกกระเป๋าอยู่ประมาณสะโพก ถ้าเป็นสาวเท่ก็สามารถเลือกกระเป๋าแบบสะพายข้างเก๋ๆ ก็ได้

DON’T ห้ามกระเป๋าสายสั้นหรือแบบหนีบๆ เพราะจะทำให้คุณดูตัวสั้นและเตี้ยเข้าไปใหญ่