วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พุดดิ้งลำไย :>


สูตรและวิธีการทำพุดดิ้งลำไย

ส่วนผสม
เนื้อลำไยสดหรือในน้ำเชื่อม 100 กรัม
น้ำลำไย 75 กรัม
นมสด 250 กรัม
น้ำตาลทราย 85 กรัม
วิปครีมชนิดจืด 125 กรัม
น้ำเปล่า 125 กรัม
เจลาตินชนิดแผ่น 14 กรัม
ลำไยสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
แช่เจลาตินลงในน้ำเย็นจัดจนแผ่นมีลักษณะนุ่มเตรียมไว้ ใส่นมสด น้ำลำไย วิปครีม น้ำตาลทรายและน้ำเปล่าลงในหม้อ ตั้งไฟปานกลางพอเดือด ใส่เจลาตินคนให้ละลายยกลง ใส่เนื้อลำไยลงในแก้วแล้วเทส่วนผสมในข้อที่ 2 ลงจนเต็มแก้ว นำเข้าแช่ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว นำออกมาตกแต่งด้วยลำไยจัดเสริฟ

Panna Cotta :)))))))))))))


Panna Cotta พันนาคอตต้า เป็นชื่อขนมหวานยอดนิยมของอิตาลี ภาษาอิตาลีแปลว่า ครีมที่ปรุงจนสุกแล้ว เริ่มจากอิตาลีทางตอนเหนือ ปัจจุบันรู้จักแพร่ในฝรั่งเศส กรีซ และนานาชาติ เพราะทำง่าย ส่วนผสมไม่ยุ่งยาก สีสันสวยงาม นุ่มลิ้นด้วยครีมสดและกลิ่นวานิลลาอ่อนๆ

ส่วนผสม Panna Cotta :
* เจลาตินผง 2 ช้อนชา
* นม 1/2 - 1/3 ถ้วย
* วิปปิ้งครีม 300 กรัม
* น้ำตาล 4 ช้อนโต๊ะ
* วนิลา 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ Panna Cotta
  • ส่วนผสมเอาทุกอย่างลงไปในหม้อ วิปปิ้งครีม นม วนิลา น้ำตาล เจลาติน คนตั้งไฟอ่อนๆ จนละลายเข้ากันดี
  • ค่อยๆคนจนน้ำตาลและเจลาตินละลาย ปิดเตา ทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 20-30 นาที
  • เทใส่แก้วหรือ เทใส่พิมพ์ ใส่ตู้เย็นไว้ 3 ชม. หรือทั้งคืนก็ได้
  • นำออกมาจากตู้เย็น เสิร์ฟทั้งแก้ว หรือ นำมาใส่ในจานแบนๆ ที่ใส่น้ำอุ่นรองพื้นไว้นิดหน่อย เสร็จแล้วใช้มีดปาดรอบๆ พิมพ์ แล้วแกะใส่จาน
  • แต่งหน้าด้วยผลไม้ตามใจชอบ แยมผลไม้ ผลไม้กระป๋อง ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวจะอร่อยมากค่ะ ถ้าชอบหวานมันก็ราดด้วย คาราเมล หรือช็อคโกแล็ตก็ได้

ส่วนผสมเยลลี่ :
* แคนเบอรี่ 1 ถ้วย (หรือเนื้อ/น้ำผลไม้อื่นก็ได้)
* น้ำตาล 1 ถ้วย
* เจลาติน 3 ช้อนชา
* น้ำเปล่า 100 มล.

วิธีทำ เยลลี่ผลไม้ :
  • เอาทุกอย่างลงไปในหม้อ น้ำ + น้ำตาล + เจลาติน คนตั้งไฟอ่อนๆ จนละลายเข้ากันดี
  • ค่อยๆคนจนน้ำตาลและเจลาตินละลาย เทแคนเบอรี่ หรือผลไม้ชนิดใดก็ได้ ปิดเตา ทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 20-30 นาที
  • เทใส่แก้วหรือ เทใส่พิมพ์ ใส่ตู้เย็นไว้ 3 ชม. นำออกมาจากตู้เย็น
  • เทครีมส่วนผสม Panna Cotta แล้วใส่ตู้เย็นไว้ 3 ชม. หรือทั้งคืนก็ได้


History of Halloween



Halloween is a holiday celebrated on the night of October 31. Traditional activities include trick-or-treating, bonfires, costume parties, visiting "haunted houses" and carving jack-o-lanterns. Irish and Scottish immigrants carried versions of the tradition to North America in the nineteenth century. Other western countries embraced the holiday in the late twentieth century including Ireland, the United States, Canada, Puerto Rico and the United Kingdom as well as of Australia and New Zealand.

Halloween has its origins in the ancient Celtic festival known as Samhain (pronounced "sah-win").

The festival of Samhain is a celebration of the end of the harvest season in Gaelic culture. Samhain was a time used by the ancient pagans to take stock of supplies and prepare for winter. The ancient Gaels believed that on October 31, the boundaries between the worlds of the living and the dead overlapped and the deceased would come back to life and cause havoc such as sickness or damaged crops.

The festival would frequently involve bonfires. It is believed that the fires attracted insects to the area which attracted bats to the area. These are additional attributes of the history of Halloween.

Masks and consumes were worn in an attempt to mimic the evil spirits or appease them.

Trick-or-treating, is an activity for children on or around Halloween in which they proceed from house to house in costumes, asking for treats such as confectionery with the question, "Trick or treat?" The "trick" part of "trick or treat" is a threat to play a trick on the homeowner or his property if no treat is given. Trick-or-treating is one of the main traditions of Halloween. It has become socially expected that if one lives in a neighborhood with children one should purchase treats in preparation for trick-or-treaters.

The history of Halloween has evolved. The activity is popular in the United States, the United Kingdom, Ireland, Canada, and due to increased American cultural influence in recent years, imported through exposure to US television and other media, trick-or-treating has started to occur among children in many parts of Europe, and in the Saudi Aramco camps of Dhahran, Akaria compounds and Ras Tanura in Saudi Arabia. The most significant growth — and resistance is in the United Kingdom, where the police have threatened to prosecute parents who allow their children to carry out the "trick" element. In continental Europe, where the commerce-driven importation of Halloween is seen with more skepticism, numerous destructive or illegal "tricks" and police warnings have further raised suspicion about this game and Halloween in general.

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

How To Make French Toast

French Toast


Ingredients:
4 Eggs
2 ½ tbsp Sugar
1/2 teaspoon Salt
1 cup Whole milk
1/4 teaspoon Vanilla extract
12 Thick slices of bread Butter
Powdered sugar (optional)


Instructions
  • The first step would be to beat eggs, sugar, salt, milk and vanilla in a shallow dish.
  • Once the mixture has been prepared, soak the bread in it.
  • Now, heat butter over medium high heat in a pan.
  • Bake each slice of bread in the pan until it turns slightly brown on each side.
  • The last step would be to sprinkle with powdered sugar, if desired and your French toast is ready to be served.
Pecan French Toast

Ingredients:
4 Eggs
2/3 cup Orange Juice
1/3 cup Milk
1/4 cup White Sugar
1/4 tsp Nutmeg
1/4 tsp Vanilla Extract
1/2 (1 pound) Loaf Italian Bread, cut into 1 inch slices
1/3 cup Butter, melted
1/2 cup Pecans, chopped
2 tbsp Orange Zest, grated

Instructions
  • The first step would be to mix beat together eggs, orange juice, milk, sugar, nutmeg and vanilla extract, in a large bowl.
  • In a baking pan, place bread slices on the bottom. Then, pour the above mixture over the bread pieces. Cover the pan and refrigerate overnight, turning once in between.
  • In the morning, preheat the oven at about 350 degrees F.
  • Now, coat a pan with melted butter. The next step would be to arrange the soaked bread pieces over the pan. Once you have arranged the bread slices, sprinkle some orange peel and pecans.
  • Bake the bread slices until they turn golden brown.
Baked French Toast

Ingredients:
1 (1 pound) Loaf French Bread, cut diagonally in 1 inch slices
8 Eggs
2 cups Milk
1 1/2 cups Half-and-Half Cream
2 tsp Vanilla Extract
1/4 tsp Ground Cinnamon
3/4 cup Butter
1 1/3 cup Brown Sugar
3 tbsp Light Corn Syrup

Instructions
  • In a 9x13 inch baking dish, arrange the bread slices in the bottom.
  • Meanwhile, in a large bowl, beat together eggs, milk, cream, vanilla and cinnamon.
  • Once the mixture has been made, pour it over the bread slices, cover, and refrigerate it overnight.
  • Next day, preheat oven to 350 degrees F. In the mean time, prepare butter, brown sugar and corn syrup mixture. Take all the three ingredients in a small saucepan and heat it until bubbling.
  • Pour the mixture over the bread and egg mixture and bake it for about 40 minutes. The Baked French Toast is ready to serve!!

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันออกพรรษา (ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11)

วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันปวารณา (อ่านว่า ปะ-วา-ระ-นา) หรือวันมหาปวารณา คือ วันที่เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุ ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ด้วยเมตตาจิต เมื่อได้เห็น ได้ฟัง หรือสงสัยในพฤติกรรมของกันและกัน ซึ่งความเป็นมาของการทำปวารณากรรม หรือให้พระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันและกัน ในวันออกพรรษานี้ สืบเนื่องมาจากในสมัยพุทธกาล พุทธสาวกจะมีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่อย่างหนึ่ง คือ เมื่อออกพรรษาหมดฤดูฝน แม้จะจำพรรษาอยู่ที่ใกล้ไกลแค่ไหน ก็จะพากันเดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ครั้นได้เฝ้าแล้ว พระพุทธองค์จะทรงตรัสถาม ถึงสิ่งที่พระภิกษุได้ประพฤติปฏิบัติในระหว่างจำพรรษา ปรากฏว่ามีพระภิกษุกลุ่มหนึ่ง เกรงว่าในช่วงจำพรรษาด้วยกัน จะเกิดการขัดแย้งทะเลาะวิวาท จนอยู่ไม่สุขตลอดพรรษา จึงได้ตั้งกติกากันเองว่า จะไม่พูดจากัน เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ จึงทรงตำหนิว่าการประพฤติ มูควัตร (ทำตนเป็นใบ้เงียบไม่พูดจากัน) เป็นเรื่องเหลวไหลไร้ประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ เพราะประพฤติเหมือนพฤติกรรมของสัตว์ เช่น แพะ แกะ ไก่ วัว ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ถามไถ่ทุกข์สุขของกันและกัน

โรคที่มากับน้ำท่วม โรคน้ำกัดเท้าและผื่นคัน

เกิด ขึ้นได้ก็เพราะผิวหนังเท้าของเรา โดยเฉพาะที่ง่ามเท้าเกิดเปียกชื้นและสกปรก เวลาที่เท้าสกปรก สิ่งสกปรกจะเป็นอาหารอย่างหนึ่งที่ทำให้เชื้อราหรือเชื้อโรคเจริญเติบโตได้ ดี เท้าที่แช่น้ำหรือเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ผิวหนังที่เท้าอ่อนส่วนผิว ๆของหนังจะเปื่อยและหลุดออก เศษผิวหนังที่เปื่อยนี้จะทำให้เชื้อโรคที่ปลิวไปปลิวมาเกาะติดได้ง่าย และผิวที่เปื่อยก็เป็นอาหารของเชื้อราได้ดี เชื้อราจึงไปอาศัยทำให้เกิดแผลเล็กๆขึ้นตามซอกนิ้วเท้าเกิดเป็นโรคน้ำกัด เท้าขึ้น
โรคน้ำกัดเท้า มักพบว่ามีอาการคันและอักเสบตามซอกนิ้วเท้า (หรือนิ้วมือ) และถ้ามีเชื้อแบคทีเรียเข้าแทรกซ้อนด้วย ก็จะทำให้อักเสบเป็นหนอง และเจ็บปวดจนเดินลำบากได้
ไข้หวัด

ไข้หวัดเป็นการติดเชื้อของจมูก และคอ บางครั้งเรียก upper respiratory tract infection URI เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งรวมเรียกว่า Coryza viruses ประกอบด้วย Rhino-viruses เป็นสำคัญ เชื้อชนิดอื่นๆมี Adenoviruses, Respiratory syncytial virus เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูก และคอจะทำให้เยื่อจมูกบวม และแดง มีการหลังของเมือกออกมาแม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุดโดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้ หวัด 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น 2-4 ครั้ง ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก คนสูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้ง
โรคเครียดวิตกกังวล

ความเครียดเป็นระบบเตือนภัยของร่างกายให้เตรียมพร้อมที่กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การมีความเครียดน้อยเกินไปและมากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่เข้าใจว่าความเครียดเป็นสิ่งไม่ดีมันก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หัวใจเต้นเร็ว แน่นท้อง มือเท้าเย็น แต่ความเครียดก็มีส่วนดีเช่น ความตื่นเต้นความท้าทายและความสนุก สรุปแล้วความเครียดคือสิ่งที่มาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งมี่ทั้ง ผลดีและผลเสีย
โรคตาแดง

โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา(conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตา ที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
โรคอุจาจระร่วง

โรคอุจจาระร่วง หมายถึง ภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลว จำนวน 3 ครั้งต่อกันหรือมากกว่า หรือถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 1 ครั้ง ใน 1 วัน หรือถ่ายเป็นมูกหรือปนเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อในลำไส้จากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว ปรสิตและหนอนพยาธิ สถานีอนามัย โรงพยาบาลชุมชนในประเทศไทยมักจะหาสาเหตุของเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดอาการ อุจจาระร่วงไม่ได้ ก็จะให้การวินิจฉัยจากอาการ อาการแสดงและลักษณะอุจจาระได้แก่ บิด (Dysentery) อาหารเป็นพิษ (Food poisoning) ไข้ทัยฟอยด์ (Typhoid fever) เป็นต้น ในกรณีที่มีอาการของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันไม่ใช่โรคดังกล่าวข้างต้น และอาการไม่เกิน 14 วัน ก็จะรายงานเป็นโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute diarrhea)

คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับประชาชน เตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่

หลังจากมีเหตุน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ ทาง SIU พยายามจะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันภัยและรับมือจากน้ำท่วม จนได้พบ “คู่มือรับมือสถานการณ์น้ำท่วม” ซึ่งเราได้นำบางส่วนมาให้ได้ชมและได้เพิ่มเติมข้อมูลที่น่าสนใจ และสามารภดาวน์โหลดเวอร์ชั่นเต็มได้ ที่นี่ และสำหรับสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสพอุทกภัย(ศปภ) โทร 1111 หรือสามารถแจ้งได้ที่ call center มือถือทุกระบบ และ 191

การเตรียมการก่อนน้ำท่วม

การป้องกันตัวเองและความสียหายจากน้ำท่วม ควรมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพราะหากรอให้มีการเตือนภัยเวลามักไม่เพียงพอ รู้จักกับภัยน้ำท่วมของคุณ สอบถามหน่วยงานที่มีการจัดการด้านน้ำท่วม ด้วยคำถามดังต่อไปนี้
- ภายในละแวกใกล้เคียงในรอบหลายปี เคยเกิดน้ำท่วมสูงที่สุดเท่าไร
- เราสามารถคาดคะเนความเร็วน้ำหรือโคลนได้หรือไม่
- เราจะได้การเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่น้ำจะมาถึงเป็นเวลาเท่าไหร่
- เราจะได้รับการเตือนภัยอย่างไร
- ถนนเส้นใดบ้าง ในละแวกนี้ที่จะถูกน้ำท่วมหรือจะมีสิ่งกีดขวาง

การรับมือสำหรับน้ำท่วมครั้งต่อไป

1. คาดคะเนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของคุณเมื่อเกิดน้ำท่วม
2. ทำความคุ้นเคยกับระบบการเตือนภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขี้นตอนการอพยพ
3. เรียนรู้เส้นทางการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด จากบ้านไปยังที่สูงหรือพื้นที่ปลอดภัย
4. เตรียมเครื่องมือรับวิทยุแบบพกพา อุปกรณ์ทำอาหารฉุกเฉินแหล่งอาหารและไฟฉาย รวมทั้งแบตเตอร์รี่สำรอง
5. ผู้คนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยน้ำท่วม ควรจะเตรียมวัสดุ เช่น กระสอบทราย แผ่นพลาสติก ไม้แผ่น ตะปู กาวซิลิโคน เพื่อใช้ป้องกันบ้านเรือน และควรทราบแหล่งวัตถุที่จะนำมาใช้
6. นำรถยนต์และพาหนะไปเก็บไว้ในพื้นที่ซึ่งน้ำไม่ท่วมถึง
7. ปรึกษาและทำข้อตกลงกับบริษัทประกันภัย เกี่ยวกับการประกันความเสียหาย
8. บันทึกหมายเลขโทรศัพท์สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินและเก็บไว้ตามที่จำง่าย
9. รวบรวมของใช้จำเป็นและเสบียงอาหารที่ต้องการใช้ ถายหลังน้ำท่วมไว้ในที่ปลอดภัยและสูงกว่าระดับที่คาดว่าน้ำจะท่วมถึง
10. ทำบันทึกรายการทรัพย์สินมีค่างทั้งหมด ถ่ายรูปหรือวีดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน
11. เก็บ บันทึกรายการทรัพย์สิน เอกสารสำคัญและของมีค่าอื่นๆ ในสถานที่ปลอดภัยห่างจากบ้านหรือห่างไกลจากที่น้ำท่วมถึง เช่น ตู้เซฟที่ธนาคาร หรือไปรษณีย์
12. ทำแผนการรับมือน้ำท่วม และถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐานที่สังเกตุได้ง่าย และติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

งาดำ ประโยชน์ของงาดำประโยชน์ของงาดำ คุณค่าทางอาหารและความงามที่คาดไม่ถึง

งาดำ เป็นพืชที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารทั้งโปรตีน กรดอะมิโน แร่ธาตุ และวิตามินที่สำคัญๆ มากมาย แต่ถ้าจะให้เรากล่าวถึงประโยชน์ของงาดำ แล้วละก็มีมากมายเลยทีเดียว แต่วันนี้เราจะมาเจาะจงเฉพาะเรื่องความสวย ความงาม งาดำถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อการชะลอความแก่เพิ่ม ความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้อย่างน่ามหัสจรรย์เลยทีเดียวอันเป็นเพราะงาดำนั้น มีสารอาหารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น วิตามินเอ บีรวม ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณ วิตามินซี ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นส่วน ประกอบของชั้นผิวหนังแท้ และวิตามินอี ในงาดำยังช่วยซ่อมแซมผิวและยังสร้างภูมิคุ้มกันใหักับผิวทั้งยังช่วยเก็บ ออกซิเจนและลดคอเลสเตอรอลในเลือดอีกด้วย


งาดำ

ประโยชน์ของงาดำกับการยอมรับของคนทั่วโลก

งาดำนั้นถือเป็นธัญพืชที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นธัญพืชที่ให้คุณค่าทั้งในด้าน ของการบำรุงสุขภาพและความงาม ดังนั้นคนที่รับประทานงาดำเป็นประจำนอก จากจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้วยังทำให้มีผิวพรรณที่สวยและทำให้แก่ช้าอีกด้วย แต่ในการรับประทานงาดำนั้นควรที่จะรับให้เหมาะสมพร้อมกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของการดูแลสุขภาพและความงามของผิวพรรณ

4 ท่าบริหารป้องกัน "ปวด"จากการใช้คอมพิวเตอร์ (มติชน)


4 ท่าบริหารป้องกัน "ปวด"จากการใช้คอมพิวเตอร์ (มติชน)

ช่วง ปิดเทอมนี้การจะห้ามไม่ให้เด็กเล่นเกม ใช้คอมพิวเตอร์ หรือเล่นอินเทอร์เน็ตคงเป็นเรื่องยาก ถือเป็นช่วงวันหยุดยาวที่พวกเขาจะได้พักผ่อน หลังจากการเรียนและสอบที่เคร่งเครียด เด็กหาวิธีผ่อนคลายในยุคดิจิตอลด้วยการเล่นเกม แต่ เด็ก ๆ หารู้ไม่ว่าการนั่งใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้มีอาการปวดนิ้ว นิ้วแข็ง มือเกร็ง และอาจมีอาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดคอ ปวดแขน ตามมาได้

ดร.เจย์ สัน ลี ไคโรแพรคเตอร์ ชาวเกาหลี ประจำคลีนิคกายภาพบำบัดดีสปายน์ ไคโรแพรคติก บอกว่า การห้ามเด็ก ๆ ไม่ให้เล่นเกมหรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ในยุคดิจิตอลนี้คงจะเป็นเรื่องยาก เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่เกม และอะไร ๆ เดี๋ยวนี้ก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งนั้น เพราะเหตุนี้จึงทำให้เด็กจำนวนไม่น้อยมีปัญหาและอาการปวดนิ้ว นิ้วแข็ง มือเกร็ง ทำให้เขียนหนังสือไม่ได้ หรือเมื่อพอเริ่มเขียนได้สักพักก็รู้สึกเครียด อารมณ์เสีย มีอาการโมโห หรือหงุดหงิด นอกจากเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการเล่นเกมและใช้คอมพิวเตอร์แล้ว ผู้ใหญ่จำนวนมากก็ต้องประสบกับอาการปวดและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา เช่น ปวดหลัง ปวดเอว ปวดคอ อันเนื่องมาจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานด้านบัญชี คีย์ข้อมูล หรือต้องพิมพ์รายงานต่าง ๆ เป็นต้น

ดร.เจย์ สัน ลี กล่าวต่อว่า การ นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ส่วนมากจะนั่งผิดลักษณะท่าทาง ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอ นอกจากนั้นยังมีการใช้เก้าอี้ไม่ตรงกับสรีระ จึงทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมา ควรจะมีการพักสายตา ยืดกล้ามเนื้อ หรือบริหารร่างกาย เพื่อเป็นการป้องกันอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


1. ท่าบริหารและผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลัง ท่านี้ควรให้เด็ก ๆ ยืนหรือนั่งให้หลังตรง แล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้นด้านบน ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วหงายมือออก

2. ท่าบริหารกล้ามเนื้อแขน ให้เหยียดแขนทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าโดยให้มือประสานกัน

3. ท่าบริหารกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณนิ้วมือ โดยยืดแขนออกไปข้างหน้า โดยให้มือชี้ลง พร้อมทั้งดัดนิ้วมือไปทางด้านหลัง โดยให้ทำสลับกันทั้งซ้ายและขวา อย่างน้อย 20 วินาที

4. ท่าบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอ โดยการยืนตัวตรง เอามือซ้ายจับบนศีรษะด้านขวา พร้อมโน้มคอไปทางด้านเดียวกับที่มือจับศีรษะอยู่ ทำสลับไปมา ซ้ายขวา

ใครที่ชอบกินโยเกิร์ตต้องดีใจจนออกนอกหน้า เพราะวันนี้เรามีประโยชน์ดีๆ จากโยเกิร์ตมาฝากกันคะ :)


- คนที่ท้องเสียเป็นเพราะมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตเกิดมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดเลวทั้งหลาย การกินโยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียของคุณทุเลาอย่างรวดเร็ว ทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่าย

- โยเกิร์ตมีไขมันชื่อคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก ช่วยป้องกันโรคหัวใจ

- โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย เป็นแหล่งรวมของสารอาหารถึง 11 ชนิด และแต่ละชนิดก็เป็นตัวแม่สำหรับร่างกายทั้งนั้น อย่างไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 โปรตีน วิตามินบี 12 ทริปโทฟาน โพแทสเซียม โมลิปเดนัม สังกะสี และวิตามินบี 5 คนที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำถึงได้อายุยืนแถมแข็งแรง

- ถึงแม้จะทำมาจากนม แต่โยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดา เพราะลำไส้ของเราย่อยนมไม่ได้ แต่สำหรับโยเกิร์ตกลับทำได้ชิลๆ เพราะในโยเกิร์ตมีกรดแลกติกที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้

- จุลินทรีย์ทั่วไปอาจทำร้ายร่างกายแต่แลคโตบาสิลัสในโยเกิร์ตเป็นจุลินทรีย์ ชนิดดีที่ ร่างกายต้องการ มันจะไปหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อ “เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร” ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ แถมยังทำตัวเป็นนักปราบปรามจุลินทรีย์ที่จะทำให้คุณเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วงที่มีรอบเดือนผู้หญิงจึงควรทานโยเกิร์ตเป็นประจำ

- แคลเซียมสูงที่ได้จากโยเกิร์ตจะทำให้เป็นสาวกระดูกเหล็ก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันสูง มะเร็งลำไส้ และยังกระตุ้นระบบเผาผลาญทำให้คุณผอมเองโดยไม่ต้องเหนื่อย

- ทำให้ปากสะอาด กำราบกลิ่นปากและโรคเหงือก

- เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะแบคทีเรียในโยเกิร์ตทำให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินเคและบีในลำไส้ได้ดีขึ้น