วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

หลายๆ ครั้ง ไม่ดีนะ ^^


โทษของน้ำต้มเดือดหลายๆ ครั้ง
น้ำประปามีแร่ธาตุหลายชนิด
เมื่อต้มเดือดแล้วเดือดอีกหลายๆ ครั้ง
น้ำจำนวนมากจะระเหยกลายเป็นไอ ส่วนที่เหลือ
จึงมีปริมาณแร่ธาตุ ชนิดต่างๆ เข้มข้นขึ้นมาก
และเกินมาตรฐานการบริโภค น้ำที่ต้มเดือดนานๆ
ไอออนของซิลเวอร์ไนเตรทที่อยู่ในน้ำ
จะเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ไนไตรท์
ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกาย
และแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกาย
จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพราะการระเหยของน้ำ
และอาจมากจนเกินขีดจำกัด ความสามารถของร่างกาย
ในการกำจัดขับถ่ายออกมา
จึงไม่ควรดื่มน้ำที่ ต้มเดือดแล้วหลาย ๆ ครั้ง

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

กว่าจะมาเป็น " Internet "



กว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต

“อดีตบอกเล่าอนาคต”วันนี้เรามาคุยถึงอินเตอร์เน็ตที่เราๆท่านๆ ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เริ่มขึ้นมา ได้อย่างไรหลายคนอาจเกิดคำถามขึ้นว่าจะต้องรู้ไปทำไม “ใช้งานได้เป็นพอ” ใจเย็นครับครับใจเย็น เขาว่ากันว่าจะรู้อะไรก็รู้ให้ถึงกึ๋นเลยจะทำให้เรากระจ่างในสิ่งที่เกิดขึ้นในลำดับต่อมาภายหลังครับ

ก่อนที่จะมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้ เครือข่ายสื่อสารส่วนใหญ่ยังถูกจำกัดอยุ่เพียงการใช้งานกันภายใน โดยผ่านคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางที่มีมันสมอง หรือระบบประมวลผลขนาดใหญ่เท่านั้น ทำให้เป็นสิ่งท้าทายในเวลานั้นสำหรับสำหรับนักวิจัยทั้งในมหาลัยชั้นนำและหน่วยงานวิจัยของภาครัฐในสหรัฐอเมริกา ต่างคิดค้นวิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลกันให้เป็นหนึ่งเดียว

เครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในระยะแรกเกิดขึ้นภายในกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ถ้าสังเกตดูแล้วจะพบว่า บริการในโลกดิจิตอลต่างยำเอากฎธรรมชาติของพฤติกรรมมนุษย์นี้มาใช้จนประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น แต่สำหรับยุตแรกๆ นั้นยังมีจุดเชื่อมต่อถึงกันเพียงไม่กี่จุด และแล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของอินเตอร์เน็ตโปรตอลคอล หรือไอพี (Internet Protocol : IP) ซึ่งเปรียบเสมือนกฎกติกาข้อตกลงการรับส่งข้อมูล การวางเครือข่าย เพื่อให้ง่ายต่อการขยายและเชื่อมต่อกัน

ถ้าว่าไปแล้ว “เจ้าไอพี” เปรียบได้ใกล้เคียงกับการพัฒนาระบบคมนาคม เราเริ่มจากถนนหนทางเพื่ออำนวยความสะอวกในการรับส่งสินค้าหรือการเดินทางไปมาหาสู่กัน ถ้าสนใจกันเฉพาะในเมืองเล็กๆ เท่านั้น ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องสนใจว่าพื้นที่อื่นเขาจะจัดการจราจรกันอย่างไร แต่เมื่อต้องการจะติดต่อกับเมืองอื่นๆก็ต้องเคารพกฎกติกาของเมืองอื่นด้วย ยิ่งถ้าต้องการเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นๆ ผ่านสายการบินแล้ว ก็จำเป็นต้องมีข้อตกลงระเบียบข้อปฏิบัติ ไม่งั้นคงสับสนวุ่นวายกัน จนการจัดการจราจรจะกลายเป็นจราจรเช่นเดียวกับการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็ต้องมีโปรโตคอลเพื่อจัดระเบียบนั่นเอง

การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้สู่ความคิดที่จะครอบคลุมเครือข่ายให้ถึงกันทั่วโลกได้ขยายสู้ความคิดที่จะครอบคลุมเครือข่ายให้ถึงกันทั่วโลกโดยเรียกขานกันว่า “อินเตอร์เน็ต” ซึ่งมีการใช้งานอย่างเป็นอย่างทางการกันนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เริ่มจากซีกโลกตะวันตกแล้วเข้ามาสู้พื้นที่อื่นๆ ในเวลาต่อมานั้นเอง


เซซามิน งาสกัดล้างพิษตับ อาหารบำรุงตับ – บ่อบำบัดของเสียร่างกาย


จากสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลภาวะในสิ่งแวดล้อม สิ่งปนเปื้อนและสารเคมีที่ตกค้างในอาหาร ทำหร่างกายเราเป็นแหล่งสะสมสารพิษ เพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกายเราเป้นแหล่งสะสมสารพิษ เพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกาย จึงมีผู้นิยมล้างพิษแก่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการกิน การอด สวนลำไส้ฝึกลมปราณ ฝึกสมาธิ เป็นต้น

คุณทราบหรือไม่ว่า “งา” ที่เรานำมาทำอาหารและขนมต่างๆ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะมีสารอาหารเกือบครบถ้วนแล้ว งายังมีประโยชน์ต่อการล้างพิษด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้ ก้เพราะวาเป็นอาหารบำรุงตับที่ถือเป็นบ่อบำบัดของเสียออกจากร่างกาย

โดยปรกติร่างกายของเรามีการกำจัดของเสียออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ ลมหายใจออก เหงื่อและอุจจาระอยู่แล้ว โดยมีตับเป็นตัวทำลายพิษ และตระเตรียมการจัดส่งสารพิษออกจากร่างกาย ทั้งนี้ ตับจะกำจัดของเสียผ่านทางเลือดแดงที่ออกทางหัวใจ ซึ่งทุกครั้งที่หัวใจบีบตัวจะมีการส่งผ่านเลือดจำนวน 1 ใน 4 ผ่านตับ เพื่อทำการกรองและกำจัดสารพิษที่ปมมากับอาหาร ก่อนจะถูกส่งไปเลี้ยงส่วนต่างของร่างกาย

“งา” มีสารสำคัญที่ช่วยบำรุงตับคือ “เซซามิน” โดยการวิจัยล่าสุดพบว่าเซซามินที่ได้จากการสกัดงามีฤทธิ์ช่วยบำรุงตับ โดยการวิจัยให้หนูกินอาหารที่มีเซซามินผสมอยู่ พอว่าเซซามินมีฤทธิ์ปกป้องตับจากการถูกทำลายโดยเอทิลแอลดฮอล์ ซึ่งสามารถวัดได้จากการถูกทำลายโดยเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถวัดไว้ได้จากรดับสารเคมีในเลือด และจากการทดสอบฤทธิ์ในการปกป้องตับจากการถูกทำลายด้วยคาร์บอนเต้ตร้าคลอไรค์ (สารเคมีที่เป็นพิษและอาจทำให้เกิดมะเร็งที่ตับ) และป้องกันด้วยเสื่อมสภาพของเส้นเลือดในตัวได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นในแต่ละเมล็ดเล็กๆ ของงายังมีสารอาหารสำคัญๆ เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินบี 6 ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และใยอาหารดังนั้น การรับประทานงาเป็นประจำเป็นต้องเคี้ยวเมล็ดงาให้ละเอียด แต่หากไม่สะดวกอาจเสริมด้วยการรับประทานเซซามินที่ได้จากการสกัดงาซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะได้เซซามินง่ายขึ้น

แม้เราไม่สามารถหลีดเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดสารพิษจากการรับประทานอาหารหรือแม้การรับประทายยา การผักผ่อนไม่เพียงพอ รวมทั้งการเจ็บป่วยต่างๆ เพราะเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งทำให้ตับทำงานหนักขึ้น ร่างกายมีสารพิษตกค้างจนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามา

ถึงเวลาแล้วที่ต้องช่วยตับขจัดสารโดยการเติมคุณค่าดีๆ ที่มีในงาอย่างเซซามินให้กับสุขภาพของเรา

วิธีเพิ่มคุณค่าดีๆ จากเซซามิน

1. ดื่มนมถั่วเหลืองเสริมงาดำนอกจากจะช่วยล้างพิษแล้วยังช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กับร่างกายอีกด้วย

2. รับประทานสลัดผักสด น้ำสลัดครีมงาดำ

3. ข้าวกล้องข้าวต้มหรือข้าวกล้องต้มหรือข้าวกล้องข้าวผัดโรยงาดำหรืองาขาว

4. เวลารับประทานซุปผักหรือซุปกระเทียม ให้โรยงาบดลงไปด้วย

5. ทำสมูทตี้หรือน้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ต ให้ใส่งาบลงไปด้วย

6. ดื่มน้ำเต้าหู้ใส่งาดำหรือน้ำงาดำไม่หวานแทนการดื่มน้ำหวานหรือน้ำอัดลม ฯลฯ

แต่วิธีการทางธรรมชาติที่ดีที่สุดที่คุณสามารถจะล้างพิษให้กับตนเองได้ทุกวันก็คือ การรู้จัดเลือกอาหารที่ไม่เป็นพิษหรือทำลายสุขภาพเช่น เลือกกินอาหารให่หลายกลายครบ 5 หมู่ ปริมาณเหมาะสม ไม่กินอาหารที่มีน้ำตาล แป้ง เกลือ และไขมันมากเกิดความจำเป็น รู้จักเลือกอาหารที่เป็นแหล่งใยอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ เช่น ผัก ผลไม้สด และต้องพิถ๊พิถันในการเลือกซื้อ ไม่เลือกเฉพาะให้สารเคมี ควรล้างผ่านน้ำไหล อีกอย่างต้องหลีกเลี่ยงสิ่งทำลายสุขภาพ ได้แก่ ได้แก่แอลกอฮอล์ บุหรี่ และกาแฟอีน และ ต้องไม่ลืมเสริมความแข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

เฟรนช์ฟราย น่ากิน :))


เฟรนช์ฟราย อาหารโปรดของวัยรุ่นในถึงยุคนี้ ใครๆ ก็คุ้นเคยกับคำว่า “เฟรนช์ฟราย“ หรือมันฝรั่งทอดชนิดแท่ง ที่ขายกันเกร่อตามร้านอาหารจานด่วนติดยี่ห้อฝรั่ง คงทราบกันแล้วว่ารสชาติของมันไม่มีอะไรมากไปกว่า “มัน” และ “เค็ม” ออกจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไร แต่ก็ดูจะเป็นอาหารที่ถูกใจวัยรุ่นอยู่ไม่น้อย

ไม่ใช่กล่าวหากัน อย่างเลื่อนลอย แต่มีข้อมูลจากการเก็บตัวอย่างทดสอบของ โครงการพัฒนากลไกการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารของผู้บริโภค เก็บตัวอย่างเฟรนช์ฟราย 3 ครั้ง จำนวน 30 ตัวอย่าง ในเดือนพฤศจิกายน 2552-เมษายน 2553 ผลทดสอบรายงานใน วารสารฉลาดซื้อ เดือนสิงหาคม 2553 พบว่าในการทดสอบปริมาณ เกลือหรือโซเดียม ในเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่ ที่เก็บเมื่อเดือนมีนาคม พบว่ามีปริมาณเกลือในระดับสูงและจัดว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิด อันตรายได้ หากบริโภคติดต่อกันในระยะยาว

การทดสอบ ไขมันทรานส์ ที่เป็นตัวเพิ่มระดับคอเลสเทอรอลชนิดไม่ดี (LDL : low-density lipoprotein) ในเลือด และลดระดับคอเลสเทอรอลชนิดดี (HDL : high-density lipoprotein) ในเลือดทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้น พบว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัยในการบริโภค

ส่วนการทดสอบค่าของกรด (Acid Value) ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้วัดคุณภาพของน้ำมันที่ใช้ในการทอดอาหารนั้น โดยหากค่าของกรดต่ำหมายความว่าน้ำมันที่ใช้มีคุณภาพดี และหากค่าของกรดสูงหมายความว่าน้ำมันผ่านการใช้ซ้ำมาหลายครั้ง ผลออกมาว่ายังอยู่ในข่ายต้องเฝ้าระวัง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับรับได้ แต่ บางร้านต้องระวัง

งานทดสอบครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าห้ามกินเฟรนช์ฟราย แต่ถ้าดูภาพรวมกล่าวได้ว่าหากมีการ กินเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไต เนื่องจากได้รับโซเดียมเกินความ ต้องการของร่างกาย ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง ความดันโลหิต และหลอดเลือดหัวใจอันเนื่องมาจากการบริโภคน้ำมันทอดซ้ำ

ข้อแนะนำ ควรหลีกเลี่ยงการกินเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่เพราะยากที่จะกินให้หมด และเมื่อเสียดายก็จะกินมากเกิน ควรเลือกกินขนาดเล็ก และไม่ควรกินติดต่อกันเป็นประจำ ถ้าเป็นไปได้ควรบอกให้ เจ้าของร้านเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารบ่อยๆ และใส่เกลือลงในเฟรนช์ฟรายให้น้อยลง ที่สำคัญอันสุดท้ายคือทำกินเองที่บ้านก็ได้ เพราะเราควบคุมทุกอย่างได้ทั้งปริมาณเกลือ คุณภาพน้ำมัน และอุณหภูมิในการทอด.