วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขนมครก ตำนาน คน รัก กัน:)

ไอ้กะทิ หนุ่มน้อยแห่งดงมะพร้าวเตี้ย แอบมีความรักกับ หนูแป้ง สาวสวยประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน ทั้งคู่เจอกันวันลอยกระทง และสัญญากันต่อหน้าพระจันทร์ ไม่ว่าข้างหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงใด ทั้งคู่ก็จะขอยึดมั่นความรักแท้ที่มีต่อกันชั่วฟ้าดินสลาย

ไอ้กะทิ ก้มหน้าก้มตาเก็บหอมรอมริบหาเงินเพื่อมาสู่ขอลูกสาวจากผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับถูกปฏิเสธแถมยังโดนผู้ใหญ่ส่งชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือมาลอบทำร้าย แต่ไอ้กะทิก็ไม่ว่ากระไร มันพาร่างอันสะบักสะบอมกลับไปบ้าน นอนหยอดน้ำข้าวต้มซะหลายวัน แต่ใจยังตั้งมั่นว่า วันหน้าจะมาสู่ขอหนูแป้งใหม่จนกว่าผู้ใหญ่จะใจอ่อน

แต่แล้วความฝันของไอ้กะทิ ก็พังพินาศเมื่อผู้ใหญ่ยก หนูแป้ง ลูกสาวคนสวยให้แต่งงานกับปลัดหนุ่มจากบางกอก ไอ้กะทิ รู้ข่าวจึงรีบกระเสือกกระสนหมายจะมายับยั้งการแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็วางแผนป้องกันไว้แล้ว โดยขุดหลุมพรางดักรอไว้ แต่แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้ายเสียก่อน จึงลอบหนีออกมาหมายจะห้ามหนุ่มคนรักไม่ให้ตกหลุมพราง

คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม หนูแป้งวิ่งฝ่าความมืดออกมาเพื่อดักหน้าไอ้กะทิ ไอ้กะทิเห็นหนูแป้งวิ่งมาก็ดีใจทั้งคู่รีบวิ่งเข้าหากัน ฉับพลัน!!...ร่างของหนูแป้งก็ร่วงหล่นลงไปในหลุมพรางของผู้ใหญ่ฯผู้เป็นพ่อ ต่อหน้าต่อตาไอ้กะทิ อารามตกใจนายกะทิก็รีบกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยเหลือหนูแป้ง อารามดีใจสมุนชายฉกรรจ์ของผู้ใหญ่บ้านซึ่งแอบซุ่มอยู่ ก็รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบหลุมที่ทั้งคู่หล่นลงไป เพราะคิดว่าในหลุมมีเพียงไอ้กะทิผู้เดียว ...

รุ่งเช้าผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ขุดหลุมเพื่อดูผลงาน แทบไม่เชื่อสายตาเบื้องล่างปรากฏร่างของ ไอ้กะทิตระกองกอดทับร่างหนูแป้งลูกสาวของตน ทั้งสองนอนตายคู่กันอย่างมีความสุข เมื่อรอยยิ้มถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตา ผู้ใหญ่บ้านรำพึงต่อหน้าศพของลูกสาวว่า..

"พ่อไม่น่าคิดทำลายความรักของลูกเลย"

ตั้งแต่นั้นมาอนุสรณ์แห่งความรักที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ทุกแรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของไอ้กะทิ กับ แม่แป้ง ก็จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวานปรุงจากแป้ง และกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม พอสุกได้ที่ก็แคะจากหลุม แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกันเป็นสัญลักษณ์ว่า "จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป" ขนมนี้จึงถูกเรียกขานกันในนาม "ขนมแห่งความรัก" หรือ ขนม คน-รัก-กัน ต่อมาถูกเรียกย่อ ๆ ว่า 'ขนม ค-ร-ก' นั่นเอง

ความลับของเหรียญ :))))))))))))

ความลับของเหรียญ

ในค่ำคืนนึง... ของเด็กหญิง 9 ขวบ หลังจากกราบพระกับคุณพ่อ คุณแม่แล้ว
คุณพ่อเรียกลูกเข้าไปพบแล้วบอกลูกว่า พ่อมีอะไรให้ดูซึ่งสำคัญมาก
ว่าแล้วคุณพ่อก็หยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อเอามือกำไว้

พ่อถามว่าอยากรู้มั้ยว่ามีอะไรในมือพ่อ ลูกพยักหน้า
ถ้าอยากรู้ต้องเอามือเขกพื้น 3 ที ลูกทำตาม... คุณพ่อว่า ไม่พอ ต้อง 5 ที
และเปลี่ยนเป็น 10 ที จนถึง 15 ที จนลูกอุทธรณ์...
ก็ลูกอยากทราบนี่คะว่าเป็นอะไร
เมื่อคุณพ่อแบมือออก มันคือเหรียญ 5 บาทธรรมดานี่เอง

คุณพ่อหัวเราะ ! ! ! แล้วกำมือกับเหรียญ 5 บาทเดิม ถามว่าอยากดูอีกมั้ย
ถ้าอยากดูต้องเขกพื้น 10 ที ลูกว่าหนูรู้แล้ว ไม่อยากดูค่ะ
คุณพ่อว่า เอ้า... เขกพื้น 1 ทีก็ได้ ลูกก็บอก ว่าทราบแล้ว ไม่อยากดูอีกแล้วเบื่อ
คุณพ่อเลยพูดขึ้นว่าให้ดูฟรี ๆ ก็ได้แล้วก็แบมือออก
ลูกก็เพียงแต่ชำเลืองดูโดยไม่สนใจใยดีใดใด

คุณพ่อเลยพูดว่า " นี่ละลูก อะไรที่เป็นความลับ คนมักยอมทำทุกอย่างที่จะได้สมปรารถนา
แต่เมื่อสมปรารถนาแล้ว ให้ดูฟรี ๆ ยังไม่อยากดูเลย
แล้วสิ่งที่พึงหวงแหนสำหรับลูกผู้หญิง เป็นสิ่งที่มีค่า ถ้าให้ใครรู้ก่อนเวลาอันควร ก็จะไม่มีค่าอะไร
ไม่ต่างกับเหรียญ 5 บาทที่พ่อให้ลูกดูฟรี........."

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดูแลสุขภาพดวงตาง่ายๆ ด้วยโยคะสายตา :)))))))))))

ชีวิตยุคไอที การใช้งานคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทันสมัย
เพื่อทำงาน หรือติดตามข่าวสาร จำเป็นต้องใช้สายตาจ้องมองเป็นเวลานาน การดูแลสุขภาพดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เทคนิคเพื่อบริหารดวงตาให้มีสุขภาพดีนั้นมีหลากหลาย โยคะมีการบริหารดวงตา
โดยต้องถอดแว่นหรือคอนแทคเลนส์ออกก่อน แล้วทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 หลับตาแล้วถูฝ่ามือสองข้างเข้าหากันไปมาอย่างเร็วจนรู้สึกร้อน

ขั้นตอนที่ 2 ประคบฝ่ามือทั้งสองข้างนาบกับหนังตานานประมาณ 1 นาที
ให้รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่จากฝ่ามือสู่ดวงตา

ขั้นตอนที่ 3 ผ่อนคลายความเคร่งเครียดทั้งมวลลงพร้อมทั้งหายใจลึกๆ
นำมือออก ลืมตาขึ้น

ขั้นตอนที่ 4 เคลื่อนสายตาจากซ้ายไปขวา โดยมองไปยังที่ไกลๆ จากมุมซ้ายสุด
แล้วกวาดสายตาไปยังมุมขวาสุด ทำซ้ำกัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 5 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว เคลื่อนสายตาจากมุมขวาบนไปยัง
มุมซ้ายล่างเป็นเส้นทแยงมุม ทำซ้ำๆ กัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 6 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว เคลื่อนสายตาโดยกวาดสายตาเป็นวง
(ทิศทางตามเข็มนาฬิกา) ทำซ้ำกัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 7 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว
เคลื่อนสายตาจากบนสุดลงมายังจุดล่างสุด
โดยมองไปยังจุดไกลๆ ที่สุดด้านบน
แล้วกวาดสายตาลงมายังจุดด้านล่างอย่างช้าๆ
ทำซ้ำกัน 4 ครั้ง

ขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำได้ด้วยตนเองเพียงแค่นี้ ก็สามารถดูแลดวงตาให้มีสุขภาพดี

ที่มาของเทพนิยายกริมม์ 0.0

เทพนิยายกริมม์ เกิดขึ้นจากความสนใจอย่างลึกซึ้งในด้านภาษา ไวยกรณ์
และประวัติศาสตร์ของสองพี่น้อง เจคอบ กริมม์ (Jacob Grimm) และวิลเฮล์ม กริมม์ (Wilhelm Grimm)
ชาวเยอรมัน โดย นิทานของพวกเขารวบรวมขึ้น
จากคำบอกเล่าที่ได้ฟังมา และได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1812 ด้วยชื่อ
Children's and Household Tales (นิทานสำหรับเด็กและนิทาน
ประจำบ้าน) ซึ่งในภาษาอังกฤษมักเรียกกันว่า Grimm's Fairy Tales
(เทพนิยายกริมม์)
ในช่วงแรกได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ด้วยเรื่องราวที่มิได้สวยงามอ่อนหวาน ดังที่ได้อ่านกันในปัจจุบัน
แต่ต่อมาภายหลังมีการขัดเกลา เนื้อเรื่องให้น่าอ่านมากขึ้น
และเมื่อได้รับการแปลเป็นภาษาอื่น ยังมีการตัดทอนเนื้อหาที่ล่อแหลม หรือรุนแรง บางส่วนออกไปด้วย
นิทานจากสองพี่น้องตระกูลกริมม์นั้น มีจินตนาการหลากหลาย ทั้งเวทมนตร์วิเศษ
ภูตเอลฟ์ตัวเล็ก ยักษ์ตัวใหญ่ สัตว์ที่กลายเป็นคน และคนที่แปลงร่างเป็นสัตว์ได้
รวมถึงนิยมขึ้นต้นด้วยวลีว่า "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว" เรื่องที่รู้จักกันดี เช่น
สไนว์ไวท์, ซินเดอเรลลา, ราพันเซล, เจ้าหญิงนิทรา และหนูน้อยหมวกแดง เป็นต้น
ตลอดชีวิตพวกเขาทำงานอยู่ใกล้ชิดกัน แม้การลงนามในสัญญาต่างๆ ก็ยังใช้ชื่อร่วม
ว่า "พี่น้องตระกูลกริมม์" โดยนอกจากผลงานนิทานที่ได้รับความนิยมแล้ว ยังเป็น
ผู้ศึกษาภาษาเก่าแก่ ศาสตราจารย์ บรรณารักษ์ และผู้มีอิทธิพลในการเคลื่อนไหว
เพื่อประชาธิปไตยในเยอรมนีอีกด้วย แม้ปัจจุบันสองพี่น้องตระกูลกริมม์
จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผลงานยังคงมีชีวิตอยู่ตราบจนทุกวันนี้

ผมหงอก..ยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือไม่ !!!

ในวัยที่เริ่มมีผมหงอกเรามักจะไม่กล้าถอนกัน เพราะเชื่อว่าเมื่อถอนผมหงอก
เชื้อผมหงอกจะกระจายจากรากผมเส้นที่หงอก แล้วลามไปที่รากผมบริเวณใกล้เคียง
(อย่างกับโรคติดต่อ) จนทำให้ผมหงอกทั้งศรีษะ
แต่ในความเป็นจริงแล้วรากผม 1 เส้น จะสร้างผมได้ 1 เส้น ต่อให้ตัดหรือถอน
ก็ไม่สามารถทำให้เส้นผมเพิ่มขึ้นได้ เพราะเส้นผมหงอกที่ถูกถอนหนึ่งเส้น
จะไม่สามารถสร้างผมหงอกขึ้นมาได้อีก ดังนั้น การที่ยิ่งถอนยิ่งหงอก
จึงเป็นไม่เป็นความจริง แต่ผมหงอกที่เพิ่มขึ้น เพิ่มจากปัจจัยอื่นต่างหาก
เพื่อเป็นการป้องกันที่สาเหตุ ก่อนที่จะหงอกก่อนวัย เราควรดูแลผมให้ดกดำ
ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น งาดำ เป็นต้น หรือถ้าหงอกมากแล้วไม่สบายใจ
จะพิจารณาเป็นการย้อมผมดำแทนก็ได้ แล้วแต่จะเลือกวิธีการที่สะดวก
และเหมาะกับตนเอง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ !!!!!!!!!!!!!!!!

ความสะอาดของคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งสำคัญมาก นึกดูว่าเพียงแค่มีเศษผงเล็กๆ
เข้าตา ยังทำให้แสบตาจนน้ำตาไหล แต่คอนแทคเลนส์ต้องสัมผัสติดกับดวงตา
โดยตรงเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน หากสะอาดไม่เพียงพอ จะมีผลเสียต่อดวงตา
มากมายเพียงใด
การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าใช้วิธีแช่เพียง
อย่างเดียวก็ได้ เพราะ ข้อความ No Rub ในคำแนะนำการใช้ข้างกล่อง
คอนแทคเลนส์ ไม่ได้แปลว่าห้ามถู ความจริงแล้วแปลว่า ไม่ต้องถูก็พออนุโลมได้
มีรายงานวิจัยบอกว่า การถูอย่างเดียวลดเชื้อโรคได้ 95% ส่วนเชื้อโรคที่เหลือ
5% น้ำยาแช่สามารถกำจัดได้ นากจากนี้ การถูยังช่วยลดคราบจุลินทรีย์
(Biofilm) ที่เกาะผิวเลนส์ได้ด้วย
ดังนั้น การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ ต้องถูด้วยน้ำยา
ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ แล้วจึงแช่เลนส์นั้นในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์
อีกเรื่องที่เข้าใจผิดกันมาก คือ การแช่เลนส์ไว้ในน้ำเกลือช่วยฆ่าเชื้อโรคได้
ความจริงแล้ว น้ำเกลือไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แต่น้ำเกลือจะทำให้เชื้อโรคโตเร็วขึ้น
แทนที่จะฆ่าเชื้อ กลายเป็นเพาะเชื้อตลอด 8-10 ชั่วโมงที่เราไม่ได้ใส่เลนส์

การใช้น้ำเกลือที่ถูกต้อง คือ ใช้น้ำเกลือในการล้างน้ำยาที่ใช้ฟอกถูเลนส์
ในรายที่เซ้นสิทีฟกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือใช้น้ำเหลือในการล้างทิ้ง

หากใช้และดูแลผิดวิธีคอนแทคเลนส์จะเป็นอันตรายต่อดวงตา ก่อนใช้ควร
รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์และศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน หากมีปัญหาควรหยุดใช้
แล้วพบจักษุแพทย์ทันที