![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhHRITNGDh26CkKZ1ePHAG9soR5PSh7B30jpctqrgL89Z93dn8G-AEpA78buWXfQ9efLpJRx_XA-1GHOeiVP5AOv5P1F-NSisN_29cJ20D35YQ1IuJe3l9EJFK7M3AwMojupvZtYZpu63hS/s200/topic_150820091213315F6MQ.jpg)
ดร. มาซากิ ตาเตมิชิ อาจารย์โรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยโตโฮของญี่ปุ่น ได้นำเสนอว่า นอกจากการสูบบุหรี่ และโรคความดันโลหิตสูงแล้ว การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคสายตาสั้นได้เหมือนกัน สำหรับคนที่มีสายตาสั้นอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของประสาทตาเพิ่มมากขึ้น แล้วอาจจะส่งผลให้เป็นโรคต้อหินได้
คณะวิจัยของ ดร. มาซากิ ตาเตมิชิ ได้ทดลองทำแบบสอบถามกับพนักงานที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ พบผู้มีปัญหาในเรื่องสายตาอยู่ 5% และหลังจากทำการตรวจสายตาอย่างละเอียดพบว่า มีผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นต้อหิน
อยู่ 1 ใน 3 จึงสันนิษฐานได้ว่าผู้ที่มีสายตาสั้นแล้วต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เป็นเวลาติดต่อกัน อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อหินได้
ต้อหินเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ เช่น
1. การใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ติดต่อกันนานๆ จะทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้นและเกิดเป็นต้อหินได้
2. อุบัติเหตุต่อตา เช่น ตีแบดมินตันหรือเทนนิส แล้วถูกลูกแบดมินตันหรือลูกเทนนิสกระแทกใส่ตา ทำให้เกิดแผลภายในลูกตา ทำให้น้ำภายในลูกตาระบายออกไม่ได้ ก่อให้เกิดความดันสูงขึ้นและเกิดต้อหินได้
3. ม่านตาอักเสบ ช่วงที่มีการอักเสบ จะมีปฏิกิริยาภายในน้ำหน้าเลนส์ตา ส่งผลให้โปรตีนหรือเม็ดเลือดขาวลอยไปอุดรูระบายของน้ำภายในลูกตา ทำให้ความดันตาสูงขึ้นได้
4. สาเหตุอื่นๆ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ที่ไม่เคยได้รับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ จนกระทั่งเกิดเบาหวานขึ้นจอตา
ดังนั้น ใครก็ตามที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องไปตรวจตากับจักษุแพทย์ประมาณปีละ 1 ครั้ง
สำหรับคนที่เป็นต้อหินระยะแรกอาจจะมีอาการปวดตาข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้ หรือมองเห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น